วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โทรทัศน์ครู 






บันทึกอนุทินครั้งที่ 15



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี                         ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่มเรียน 102  เรียนวันอังคาร  14:10 ห้อง 434

...........................................................................................................................................

ความรู้ที่ได้รับ

ในสัปดาห์นี้อาจารย์ให้นำเสนอวิจัย(Research)และโทรทัศน์ครู(Teachers TV)ของแต่ละคน 
โทรทัศน์ครู(Teachers TV)

**การกำเนิดของเสียง
= การใช้ช้อนซ้อม/โลหะที่มีคุณสมบัติต่างกันมาตีกัน
**สารอาหารในชีวิตประจำวัน
= นำแกงส้มมาแล้วนำกระดาษทดลองจุ่มลงไปสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
**ไฟฟ้าและพรรณพืช
= สำรวจ/สังเกตการเจริญเติบโตของพรรณพืชการทดลองโดยใช้กระแสไฟฟ้าทำกับน้ำเกิดOxygen ช่วยในการเจริญเติบโตของพืช
วิจัย(Research)
**ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรูเรื่องสีธรรมชาติที่มีต่อทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
= การลงมือปฏิบัติ/คั้นน้ำจากผัก/ผลไม้/ดอกไม้เพื่อเอาสีมาทำผสมอาหารหรือทำงานศิลปะ
**ผลการจัดกิจกรรมเรื่องแสงที่มัต่อทักษะการแสวงหาความรู้
**การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยด้วยกิจกรรมเครื่องดื่มสมุนไพร
= การจำแนก/สังเกต/สื่อความหมายของข้อมูล


การทำวาฟเฟิล waffle








วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินครั้งที่ 14



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี                         ภาคเรียนที่ 1/2557 
กลุ่มเรียน 102  เรียนวันอังคาร  14:10 ห้อง 434

...............................................................................................................................................

**มีการนำเสนอเเผนการสอนต่อจากอาทิตย์ที่เเล้ว

คือ กลุ่มที่ 6 เรื่อง นกหงษ์หยก



กลุ่มที่ 8 เรื่อง สัปปะรด (pine apple)


กลุ่มที่ 9 เรื่อง ส้ม  (orange)


วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินครั้งที่ 13 



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี                         ภาคเรียนที่ 1/2557 
กลุ่มเรียน 102  เรียนวันอังคาร  14:10 ห้อง 434


............................................................................................................................


ในวันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาทุกกลุ่มนำเสนองานหน้าชั้นเรียน โดยการสอบสอนตามแผนการเรียนที่เราเขียนส่งอาจารย์ ซึ่งมีหน่วยต่างๆมากมาย กลุ่มเรียน102 มีทั้งหมด9กลุ่ม ซึ่งได้เรียงการนำเสนองานตามวันดังนี้   
    กลุ่มที่1 หน่วยผลไม้ใช้แผนวันจันทร์       กลุ่มที่2 หน่วยนกหงส์หยกใช้แผนวันอังคาร
    กลุ่มที่3 หน่วยข้าวโพดใช้แผนวันพุธ       กลุ่มที่4 หน่วยแตงโมงใช้แผนวันพฤหัสบดี
    กลุ่มที่5 หน่วยกล้วยใช้แผนวันศุกร์          กลุ่มที่6 หน่วยช้างใช้แผนวันจันทร์ 
    กลุ่มที่7 หน่วยผีเสื้อใช้แผนวันอังคาร       กลุ่มที่8 หน่วยสัปปะรดใช้แผนวันพุธ
    กลุ่มที่9 หน่วยส้มใช้แผนวันพฤหัสบดี

***วันนี้มีการนำเสนองานทั้งหมด 6กลุ่ม อีก3กลุ่มนำเสนออาทิตย์ต่อไปนี้


 กลุ่มที่1 หน่วยผลไม้ใช้แผนวันจันทร์


 กลุ่มที่ 3 หน่วยข้าวโพดเเผนวันพุธ

 กลุ่มที่ 4 หน่วยเเตงโมเเผนวันพฤหัสบดี

กลุ่มที่ 5 หน่วยเรื่องกล้วยเเผนวันศุกร์

กลุ่มที่ 6 หน่วยเเรื่องผีเสื้อเเผนวันจันทร์


กลุ่มที่ 7 หน่วยเรื่องช้างเเผนวันอังคาร 



ความรู้ที่ได้รับ

เราสามารถนำความรู้ที่ได้ในวันนี้ ไปใช้ในอนาคตได้ เพราะว่าการเขียนแผนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาในการทำงานในวิชาชีพครู ในการเขียนแผนนั้นต้องเป็นประโยชน์และใช้ได้จริงกับเด็กปฐมวัย เพื่อที่จะได้เกิดประโยชน์แก่ตัวเด็กด้วย เมื่อมีแผนแล้ว การสอนก็ยิ่งมีความจำเป็นมากเพราะเราจะสอนอย่างไรให้เด็กได้รับความรู้ ทำอย่างไรให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างเข้าใจ และเด็กสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันนั้นเอง

ประเมินผลหลังการเรียน

ตนเอง = เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อยไม่ผิดระเบียบของมหาวิทยาลัย ในห้องเรียนก็ตั้งใจเรียนเวลาที่อาจารย์สอนหรืออธิบาย และคอยปฏิบัติตามและจดบันทึกลงสมุดอยู่อย่างเสมอ เมื่ออาจารย์ถามคำถาม ก็จะคอยตอบอยู่เสมอ ไม่ว่าคำตอบจะถูกจะผิดก็ตาม ได้มีส่วนร่วมในการออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียน บทบาทเป็นคุณครูนั้นเอง

เพื่อน = ส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจเรียนตั้งใจฟังอาจารย์กันดี จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่คุยกัน และโดยภาพรวมแล้วเพื่อนตั้งใจเรียน


อาจารย์= ในวันนี้อาจารย์จะคอยชี้แนะให้แต่ล่ะกลุ่มฟังถึงข้อที่ควรปรับปรุง เพื่อให้นักศึกษาทำงานได้ถูกต้องและสามารถนำไปใช้ได้จริง อาจารย์มักมีการถามเจาะจงไปทีล่ะเรื่องอยู่เสมอเพื่อที่ให้นักศึกษามีความเข้าใจอย่างแท้จริง 
บันทึกอนุทินครั้งที่ 12  



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี               ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่มเรียน  102  เรียนวันอังคาร  14:10 ห้อง 434


.........................................................................................................................



     วันนี้อาจารย์อธิบายวิธีการเขียนแผนการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง และอธิบายการนำเสนอแผนของเเต่ละกลุ่ม โดยมีหัวข้อดังนี

1. สาระที่ควรเรียนรุ้ ประกอบด้วย
     - ธรรมชาติรอบตัว
     - สภาพแวดล้อมเเละบุคคล
     - ตัวเด็ก
     - สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก
2. เนื่อหา
3. แนวคิด
4. ประสบการณ์สำคัญ
5. บูรณาการรายวิชา
6. เว็ปกิจกรรม 6 กิจกรรม
     - กิจกรรมเสริมประสบการณ์
     - กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
     - กิจกรรมเสรี
     - กิจกรรมเคลื่อนไหวเเละจังหวะ
     - การเล่นกลางเเจ้ง
     - เกมการศึกษา
7. กรอบพัฒนาการ
8. วัตถุประสงค์


การนำไปประยุกต์ใช้
     
   สามารถนำความรู้ขั้นตอนการเขียนแผนการจัดประสบการณ์ไปปรับแก้ไขให้เหมาะสมกับพัฒนาการและความต้องการของเด็กปฐมวัยได้ เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่ตรงตามวัย


การประเมิน

     ตนเอง : ตั้งใจฟังอาจารย์สอน ซักถามเมื่อมีข้อสงสัย
     เพื่อน: ตั้งใจเรียนไม่คุยกัน นำเสนอแผนของเเต่ละกลุ่มออกความเห็น

     อาจารย์: สนใจในการสอนนักศึกษา รับฟังปัญหาของนักศึกษาอธิบายการเขียนแผนอย่างละเอียด

บันทึกอนุทินครั้งที่  11 



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
 (Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี             ภาคเรียน 1/2557
กลุ่มเรียน 102 เรียนวันอังคาร 14:10 ห้อง 434


..........................................................................................................................

1 .  กิจกรรมดอกไม้บาน

 จากกิจกรรมนี้ ทำไมดอกไม้ถึงบาน เพราะ น้ำเป็นมวลเข้าไปข้างในจึงทำให้กระดาาบานออก

2. ขวดน้ำต่างระดับ






จากกิจกรรมนี้ ที่น้ำข้างล่างไหลแรงกว่า เพราะ อากาศที่ดันน้ำออกมา 

3.  น้ำไหลจากสายยาง



จากกิจกรรมนี้   ถ้ายิ่งต่ำแรงดันน้ำก็ยิ่งเยอะ เพราะ แรงดันน้ำจากดินน้ำมันจึงทำให้ยิ่งอยู่ต่ำน้ำยิ่งพุงสูง

4.  ดินน้ำมันลอยน้ำ




จากกิจกรรมนี้  ที่ไฟลุก เพราะ มีออกซิเจนแต่พอเอาแก้วมาคอบทำไมถึงดับ ? ที่ไฟดับเป็นเพราะว่า ไม่มีอากาสเข้าไปข้างในไฟจึงดับ

การประยุกต์ใช้

1. สามารถไปใช้เป็นการเรียนการสอนในวิชาวิทยาศาสตร์ได้
2. เด็กได้รู้จักสังเกตและได้เห็นความแตกต่างในเรื่องของรูปทรงและความเป็นเหตุเป็นผล

การประเมิน

ตนเอง :  ตั้งใจฟังอาจารย์ดี แต่งกายเรียบร้อย

เพื่อน :  ตั้งใจฟังอาจารย์ดี ออกไปร่วมกิจกรรมได้ดี มีความกล้าแสดงออก

อาจารย์ : สรุปท้ายกิจกรรมได้เข้าใจ ทำให้รู้เหตุและผลมากขึ้น แต่งกายสุภาพ





สิ่งประดิษฐ์ของเล่นวิทยาศาสตร์

รถพลังงานลม




อุปกรณ์

1.กระกาษเเข็ง
2.เเก้วกระดาษ
3.หลอดดูดน้ำ
4.ตะเกียบไม้
5.เทปกาว
6.กาวน้ำ
7.ฝาขวดพลาสติก
8.ดินน้ำมัน



วิธีทำรถพลังงานลม



1.ตัดหลอดดูดน้ำ 2 หลอดให้ยาวกว่าด้านกว้างของกระดาษเเข็งเล็กน้อย ตะเกียบ 1 คู่เเละฝาขวดน้ำ 4 ฝา

2.ตัดกระดาษเเข็งเพื่อเป็นฐานของรถ  อาจจะใช้กระดาษสีลายต่างๆ ติดเพื่อเพิ่มเติมความสวยงาม เเล้วติดหลอไว้ด้านล่างของฐาน ทั้ง 2 ข้าง จากนั้นนำไม้ตะเกียบสอดเข้าไปในหลอด




4.หลังจากนั้น นำดินน้ำมันมายัดใส่ในฝาขวดน้ำที่เตรียมไว้ เมื่อทำเสร็จเเล้วนำฝาขวดน้ำมาติดกับปลายตะเกียบไม้ทั้ 4 ด้าน 

5.นำเเก้วกระดาษมาติดไว้บนฐาน เเละตกเเต่งให้สวยงาม พร้อมเล่น




วิธีเล่นรถพลังงานลม

ใช้ปากเป่าเพื่อให้รถเคลื่อนตัวไข้างหน้า สามารถเล่นเเข่งกันได้เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน 




วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินครั้งที่ 10




วิชา  การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
(Science Experiences Management for Early Childhood )
รหัสวิชา  EAED3207 
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 21/10/57 ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่ม102 เรียนวันอังคาร 14:10 - 17:30 ห้อง 434



อาจารย์ให้นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ของเล่นจากวิทยาศาสตร์อีกครั้ง  ซึ่งทำมาจากวัสดุเหลือใช้โดยอธิบาย

วิธีการเล่น วิธีการทำเเละนำไปใช้กับเด็กปฐมวัยได้อย่างไร เด็กได้อะไรกับกิจกกรมนี้ สิ่งประดิษฐ์ของดิฉัน คือ รถเป่าลม


         



อุปรณ์

1.เเกนทิชชู
2.กาว
3.สีเมจิก
4.ที่เกาะกระดาษ
5.กระดาษสี
6.กรรไกร
7.ไหมพรม

วิธีการทำ

1.ตัดเชือกออกโดยวัดความยาวจากคอลงมา พอประมาณ
2.นำเเกนทิชชูมาตัดครึ่งเเล้วเจาะรู ประมาณกลางๆทั้งสองฝั่ง
3.วาดรูปอะไรก็ได้ตามใจชอบเเละเเปะลงไปกับเเกนทิชชู
4.นำเชือกมาร้อยเข้ากับรูทั้งสองข้าง
5.มัดเป็นปมให้เเน่นๆ

วิธีการเล่น

 ดึงเชือกสลับกันขึ้นลง เเค่นี้ตุ๊กตาของเราก็เรื่อยขึ้นข้างบนกะดุ๊กกะดิกได้


การนำเอาไปใช้

สำหรับความรู้ที่ได้รับในวันนี้ สามารถนำไปใช้ได้คือนำไปจัดกิจกรรมให้กับเด็กปฐมวัยได้เพราะนอกจากจะได้ความสนุกสนานในการเล่นเเล้วยังได้ความรู้ที่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู้การเรียนรู้ผ่านรู้เเบบการเรียนเเบบวิทยาศาสตร์อีกด้วย 

การประเมินผล

ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจฟังสิ่งที่เพื่อนๆนำเสนอเเละร่วมกิจกรรมภายในห้องเรียน

ประเมินเพื่อน :  เพื่อนๆ เเต่งกายถูกระเบียบ เข้าเรียนตรงเวลานำเสนอของเล่นวิทยาศาสตร์ได้ดี มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมเเละมีการเเสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่อาจารย์ซักถาม

ประเมินครูผู้สอน : อาจารย์มีเทคนิคในการสอนที่น่าสนใจ มีการใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้นักศึกษาได้มีส่วนรวมในการใช้ความคิดหาวิธีการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์


บันทึกอนุทินครั้งที่ 9




วิชา  การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
(Science Experiences Management for Early Childhood )
รหัสวิชา  EAED3207 
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 14/10/57 ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่ม102 เรียนวันอังคาร 14:10 - 17:30 ห้อง 434




                         


   อาจารย์ให้นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ของเล่นจากวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำมาจากวัสดุเหลือใช้โดยอธิบาย 

วิธีการเล่น  วิธีการทำและนำไปใช้กับเด็กในเรื่องอะไร  เด็กได้อะไรจากกิจกรรมนี้  


การประยุกต์ใช้

สามารถนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้แก่เด็กได้


การประเมิน


ตนเอง :  ตั้งใจฟังเพื่อนรายงานดี มีคุยบ้างเป็นบางครั้ง แต่งกายเรียบร้อย

เพื่อน: มีพูดคุยเสียงดังเป็นบางครั้ง แต่งกายเรียบร้อย

อาจารย์ : สรุปได้เข้าใจง่ายและให้นักศึกษาไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ดี

บันทึกอนุทินครั้งที่ 8




วิชา  การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
(Science Experiences Management for Early Childhood )
รหัสวิชา  EAED3207 
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 7/10/57 ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่ม102 เรียนวันอังคาร 14:10 - 17:30 ห้อง 434




 *ในวันนี้ไม่มีการเรียนการสอนเพราะเป็นสัปดาห์ของการสอบกลางภาคของภาคเรียนที่ 1 


             
บันทึกอนุทินครั้งที่ 7




วิชา  การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
(Science Experiences Management for Early Childhood )
รหัสวิชา  EAED3207 
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 30/09/57 ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่ม102 เรียนวันอังคาร 14:10 - 17:30 ห้อง 434




ในวันนี้อาจารย์ได้ยกเลิกคลาส จึงไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากว่าในวันนั้นอาจารย์ติดธุระงานและได้แจ้งแล้วว่าจะมาเข้าสอนช้ากว่าเวลาปกติหน่อย ให้นักศึกษารอเรียน แต่เนื่องด้วยฝนตกหนักมาก ทำให้เพื่อนๆบางส่วนก็ได้กลับบ้านไปแล้วและคงคิดว่าอาจารย์ไม่สอนแล้วด้วย เพราะรอเป็นเวลานานแล้ว หัวหน้าห้องเลยโทรแจ้งกับอาจารย์ให้ทราบว่าเพื่อนๆกลับไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ อาจารย์จึงยกเลิกการเรียนการสอนในวันนี้








วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557


             
บทความ 

             วิทยาศาสตร์เป็นยาขมสำหรับเด็ก ๆ จริงหรือ ? ถ้าเด็ก ๆ เรียนวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจะยากเกินไปไหม ? ควรจะให้เด็ก ๆ     อนุบาลเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร ? คำถามเหล่านี้ต่างพ่อแม่ผู้ปกครอง และแม้แต่คุณครูเองก็ยังสงสัยอยู่  แท้จริงแล้ววิทยาศาสตร์คือความพยายามของมนุษย์ที่จะเรียนรู้และทำ ความเข้าใจกับสิ่งรอบตัวและตัวตนของตนเอง ซึ่งความพยายามเช่นนี้จะติดตัวกับมนุษย์เรามาตั้งแต่
                 แรกเกิด เห็นได้จากธรรมชาติของเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกตและคอยซักถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาเจอ และบางครั้งก็เป็นคำถามที่ยากเกินกว่าที่ผู้ใหญ่จะให้คำตอบ  
      

                 ผู้ใหญ่ หลายคนที่ไม่เข้าใจในธรรมชาติความเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยๆ ของเด็ก จึงปิดกั้นโอกาสทางการเรียนรู้ของพวกเขาโดยการไม่ให้ความสนใจกับคำถามและการ ค้นพบแบบเด็กๆ หรือไม่ได้จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่จะส่งเสริมและต่อยอดทักษะและแนวคิด ที่ถูกต้องให้กับเด็กอย่างเหมาะสมซึ่งนั่นทำให้การพัฒนาทักษะของเด็กต้องขาดตอนไปอย่างน่าเสียดาย    
  
                 ดร. วรนาท รักสกุลไทย นักการศึกษาปฐมวัย ผู้อำนวยการโรงเรียนเกษมพิทยา (ฝ่ายอนุบาล) กล่าวว่า "เราคงทราบดีกันอยู่แล้วว่าวิทยาศาสตร์มีความสำคัญเพียงใด แต่สำหรับเด็กอนุบาล แนวทางการสอนต่างหากที่จะทำให้เด็กสนใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือครูต้องแม่นยำในพัฒนาการของเด็กเพื่อที่จะสามารถจัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับความสามารถของเด็ก รวมถึงต้องอย่าลืมเรื่องจินตนาการที่มีอยู่สูงในเด็กวัยนี้"  ทั้ง นี้ การส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในด้านวิทยาศาสตร์นั้น อาจไม่จำเป็นต้องแยกออกมาสอนเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ และอาจไม่ต้องกล่าวคำว่าวิทยาศาสตร์เมื่อให้เด็กทำกิจกรรมเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ครูปฐมวัยควรจะตระหนักรู้ว่ากิจกรรมที่จัดให้กับเด็กในแต่ละช่วง เวลานั้นเป็นการส่งเสริมทักษะและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อะไรให้กับเด็กๆ และควรจะจัดกิจกรรมอย่างไรเพื่อจะสามารถตอบสนองและต่อยอดธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างเป็นระบบ
     
                 ดร.เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว นักวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์ประถมศึกษา สสวท. กล่าวถึงแนวทางในการสอนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กอนุบาลว่า"แนวทางขอสสวท.คือต้องการให้คุณครูบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้าไปในการเรียนการสอนปกติของ เด็ก ๆ ซึ่งครูและนักการศึกษาปฐมวัยอาจจะมีคำถามว่าจะต้องแยกวิทยาศาสตร์ออกมาเป็นอีกวิชาหนึ่งไหม จริง ๆ คือไม่ต้อง เพราะการเรียนรู้ในระดับปฐมวัยจะเน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม ไม่ต้องแยกเป็นวิชาเพราะวิทยาศาสตร์คือกระบวนการการเรียนรู้ อยากให้คุณครูมองว่า มันคือการเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัวของเด็กๆ" " สำหรับปัญหาที่พบในขณะนี้ก็คือ บางครั้งเด็กมีคำถาม แล้วครูตอบไม่ได้ เพราะเราก็ต้องเข้าใจครูปฐมวัยด้วยว่า อาจไม่มีพื้นฐานในสายวิทย์มากนัก ดังนั้นเมื่อครูเกิดตอบคำถามเด็กไม่ได้ก็จะเกิดหลายกรณีตามมา เช่น ครูบอกเด็กว่า เธออย่าถามเลย เด็กก็ถูกปิดกั้นการเรียนรู้ไปเสียอีก กับอีกแบบคือ ครูตอบคำถามเด็ก ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ควรจะเป็นการเรียนรู้ไปด้วยกัน ให้เด็กหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้ครูหามาป้อน และถ้าครูตอบผิดเด็กก็อาจจำไปผิด ๆ ได้"   
               นอกจากนี้ ดร.เทพกัญญา ยังได้ให้แนวทางในการ "สืบเสาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก" อันประกอบแนวทางปฏิบัติ 5 ข้อดังนี้
     
       1. ตั้งคำถามที่เด็กสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เช่น คำถามเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว หรือโลกของเรา


       2. ออกไปหาคำตอบด้วยกัน เนื่องจากคำถามในระดับเด็กอนุบาลมักจะเปิดกว้าง ดังนั้นการค้นหาคำตอบอาจมีครูคอยช่วยจัดประสบการณ์ให้เด็กตามที่เขาตั้งขึ้น
     
       3. เมื่อขั้นสองสำเร็จ เด็กจะเอาสิ่งที่เขาค้นพบมาไปตอบคำถามของเขาเอง ในขั้นนี้คุณครูอาจช่วยเสริมในแง่ของความครบถ้วนสมบูรณ์หรือในด้านของเหตุและผล
     
       4. นำเสนอสิ่งที่เขาสำรวจตรวจสอบมาแล้วให้กับเพื่อน ๆ


       5. การนำสิ่งที่เด็กค้นพบคำตอบนั้นไปเชื่อมโยงกับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
     
       สำหรับข้อ 5 นั้น ดร.เทพกัญญากล่าวว่า ในระดับเด็กอนุบาลอาจยังไม่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้ อาจต้องเป็นเด็กชั้นประถมศึกษาขึ้นไป แต่คุณครูก็ไม่ควรละเลย หากมีเด็กอนุบาลบางคนเข้าใจ คุณครูก็อาจช่วยให้เขาสามารถอธิบายได้แบบวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าไม่ถึงก็ไม่จำเป็นต้องเคี่ยวเข็ญเด็ก ๆ แต่อย่างใดไม่ เพียงแต่คุณครูและโรงเรียนที่จะเป็นผู้ส่งเสริมทักษะด้านวิทยาศาสตร์ให้กับ เด็ก ๆ แต่พ่อและแม่เองนั้นก็มีบทบาทมากเช่นกัน แนวทางดี ๆ ข้างต้นอาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เด็ก ๆ และครอบครัวในยุคต่อไปเข้าใจ และรักใน "วิทยาศาสตร์" ได้มากขึ้นก็เป็นได้ค่ะ



                                                           


         






















บันทึกอนุทินครั้งที่ 6



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
รหัสวิชา EAED3207 
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 23/09/57 ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่ม102 เรียนวันอังคาร 14:10 - 17:30 ห้อง 434

      






การนำประยุกต์ใช้

เราสามารถนำความรู้ที่ได้ในวันนี้ ไปใช้ในอนาคตได้ เกี่ยวกับเรื่องวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับเด็ก เพราะสิ่งต่างๆที่ของเเต่ล่ะกลุ่มได้นำมานี้ก็คือสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา และเด็กก็เคยเห็นทำให้เด็กได้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นเเละรู้ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์เเละมรกี่สายพันธุ์





การประเมิน

        - ตนเอง   ตั้งใจเรียนบ้าง  คุยกันบ้างในระหว่างที่อาจารย์สอน  แต่ก็ยังมีการจดบันทึกทุกครั้งที่เรียน  เเต่งกายเรียบร้อย  

        - เพื่อน  มีการส่งเสียงดังกันบ้าง  แต่ก็ช่วยกันตอบคำถาม  เเต่งกายเรียบร้อย

        - อาจารย์ผู้สอน  มีการสอนเนื้อหาได้เข้าใจ และมักจะใช้คำถามปลายเปิดในการถาม แล้วให้นักศึกษาทุกคนมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม   มีการนำเสนอ เพาว์เวอร์พอย ให้นักศึกษาเข้าใจมากยิ่งขึ้น  




                


บันทึกอนุทินครั้งที่ 5



วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
รหัสวิชา EAED3207 
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 16/09/57 ภาคเรียนที่ 1/2557
กลุ่ม102 เรียนวันอังคาร 14:10 - 17:30 ห้อง 434


           

สรุปความรับของเเสง


                                                                                                        

ความลับของเเสง

                แสงคือคลื่นชนิดหนึ่งเหมือนกับคลื่นของน้ำทะเลมีความยาวของแสงสั้นมากและในขณะเดียวกันก็มีคลื่นที่เร็วมาก 300,000  ก.ม ต่อวินาที  และแสงมีความสำคัญมากกับการดำเนินชีวิตของคน พืช และสัตว์ ถ้าเกิดเราอยู่ในที่มืดแล้วจู่ๆก็เกิดแสงสว่างขึ้นมา เราจะเกิดอาการแสบตา  เพราะเกิดจากการปรับตัวกับแสงสว่างไม่ทัน  การเปลี่ยนแปลงปริมาณแสงเร็วเกินไป
                สาเหตุที่เราสามารถมองเห็นวัตถุได้นั้น ก็เพราะว่า แสงส่องมาโดนวัตถุแล้วก็สะท้อนจากวัตถุเข้ามาสู่ตาของเรา   

                วัตถุบนโลกมีทั้งหมด 3 แบบ
          1.วัตถุโปร่งแสง  คือ แสงทะลุผ่านไปได้บางส่วน มองเห็นไม่ชัด
          3.วัตถุโปร่งแสง คือแสงผ่านไปปได้ทั้งหมด สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
          4.วัตถุทึบแสง    คือ ดูดกลืนแสงบางส่วนไว้แล้วสะท้อนส่วนที่เหลือเข้าตาเรา

                 ในหลักการสะท้อนของแสง เมื่อแสงสะท้อนจากวัตถุจะพุ่งไปทางทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางของแสงที่สองลงมาตลอดเวลา เช่นเดียวกับการสองกระจก มักจะกลับข้างกับตัวเราเสมอ เหมือนกับการที่เราใส่นาฬิกาข้างขวา แต่เมื่อเราส่องกระจกก็จะกลายเป็นนาฬิกาข้างซ้าย เป็นต้น
                  ตา  ของเรานั้นมีรูเล็กๆ  เรียกว่า รูรับแสง เมื่อผ่านรูรับแสงก็จะกลับหัว แต่ที่เราเห็นภาพเป็นปกตินั้น เพราะว่าสมองกลับภาพเป็นปกติโดยอัตโนมัตินั้นเอง
                  การหักเหของแสง   เกิดขึ้นเพราะแสงเดินทางผ่านวัตถุหรือตัวกลางคนละชนิดกัน  เช่น เมื่อแสงเดินทางผ่านอากาศเข้าสู่ตู้กระจกที่มีน้ำ  น้ำนั้นจะมีความหนาแน่นกว่าอากาศ ทำให้แสงเคลื่อนไปได้ช้ากว่าในอากาศ เส้นทางการเดินของแสงจึงหักเหไปด้วย จากนั้นเมื่อแสงพุ่งจากน้ำเข้าสู่อากาศ แสงก็จะเคลื่อนที่ได้เร็ว เส้นทางการเดินเคลื่อนที่ของแสงจึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม
                   เงา  เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับแสง เกิดขึ้นได้เพราะแสง ป็นหลักธรรมชาติคือเงาของวัตถุทีี่จะเกิดขึ้นจากแสงที่เดินทางเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ เมื่อมีวัตถุเข้ามาขวางทางเดินของแสงไว้ พื้นที่ด้านหน้าของวัตถุ แสงส่องไปไม่ถึงเลยไม่มีการสะท้อนเกิดขึ้น จึงเกิดเป็นพื้นที่สีดำๆ  ก็คือเงา  นั่นเอง



การนำไปใช้ประโยชน์
    สามารถนำเนื้อหาที่เรียน  นำไปใช้เป็นความรู้ให้เเก่ได้ในอนาคต สามารถนำมาจัดกิจกรรมให้เเก่เด็กได้

การประเมิน
        - ตนเอง   ตั้งใจเรียนบ้าง  คุยกันบ้างในระหว่างที่อาจารย์สอน  แต่ก็ยังมีการจดบันทึกทุกครั้งที่เรียน  เเต่งกายเรียบร้อย  

        - เพื่อน  มีการส่งเสียงดังกันบ้าง  แต่ก็ช่วยกันตอบคำถาม  เเต่งกายเรียบร้อย

        - อาจารย์ผู้สอน  มีการสอนเนื้อหาได้เข้าใจ และมักจะใช้คำถามปลายเปิดในการถาม แล้วให้นักศึกษาทุกคนมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม   มีการนำเสนอ เพาว์เวอร์พอย ให้นักศึกษาเข้าใจมากยิ่งขึ้น